Big Data
Big
data เป็นคำที่มาพร้อมๆ กับการเฟื่องฟูของสังคมออนไลน์ (Social
Media) ที่นำมาโดยเฟชบุ๊ค Facebook อย่างไรก็ดีคำว่า “Big Data” สามารถเชื่อมโยงไปถึงระบบการประมวลผลข้อมูลประเภทนี้
ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่และแตกต่างไปจากเทคโนโลยีเดิมที่มีใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
Big
Data คือ
ปริมาณข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มหาศาลเกินกว่าความสามารถในการประมวลผลของระบบฐานข้อมูลธรรมดาจะรองรับได้
ปริมาณของข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มากๆ
จะมีอัตราเพิ่มขึ้นของข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก และเป็นรูปแบบที่ไม่มีโครงสร้าง
(Unstructured) ซึ่งไม่สามารถจัดการด้วยเครื่องมือที่มีอยู่หรือเครื่องมือแบบเดิมๆ
ได้อีกต่อไป
ในปัจจุบันรูปแบบข้อมูลต่างๆ
เปลี่ยนไปจากเดิม จากรูปแบบข้อความธรรมดา (Text) เริ่มเปลี่ยนเป็นรูปแบบไฟล์
Media มากขึ้น เช่น ไฟล์เพลง, ภาพยนตร์, คลิปวีดีโอ และอื่นๆ
โดยที่อัตราการเพิ่มขึ้นของข้อมูลนั้น เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ทุกๆ 5 ปี คิดเป็น 85% ของข้อมูลทั้งหมด
ตัวอย่างข้อมูล Big
Data
o
ข้อมูลเครือข่ายสังคม (Social Media)
o
ข้อมูลการบริการทางเว็บ (Web Server Log)
o
ข้อมูลจากอุปกรณ์ตรวจตราทางจราจร (Traffic
Flow Sensors)
o
ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม (Satellite Imagery)
o
ข้อมูลด้านการกระจายเสียง (Broadcast
Audio Streams)
o
ข้อมูลธุรกรรมทางธนาคาร (Banking
Transaction)
o
ข้อมูลด้านการตลาดการเงิน (Financial Market
Data)
o
ข้อมูลการสื่อสารจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Telemetry
from Automobiles)
คุณลักษณะที่สำคัญ 3 ประการของ Big Data คือ
o
Volume คือข้อมูลมหาศาลขนาดใหญ่
o
Variety ข้อมูลที่มีความหลากหลายทั้งที่เป็นแบบโครงสร้างและรูปแบบที่ไม่แน่นอน
o
Velocity ข้อมูลที่จะต้องวิเคราะห์เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลอย่างรวดเร็ว
โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลที่เป็น Real-time
ความจำเป็นของ Big Data ต่อธุรกิจ
การทำงานขององค์กรต่างๆ จะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี
Big Data ทำให้เกิดข้อมูลที่มีปริมาณมากมายมหาศาล จากการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารต่างๆ
ทำให้ข้อมูลมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา
องค์กรต่างๆ สามารถนำข้อมูลนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาย
เช่น
·
สร้างมูลค่าทางธุรกิจ
โดยนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อหาความต้องการของสินค้า หรือบริการในรูปแบบใหม่ๆ
ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้
·
นำข้อมูลมาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ
เป็นการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด
·
นำข้อมูลมาช่วยประเมินระยะเวลา ประเมินงบประมาณค่าใช้จ่ายของการทำโครงการใหม่ๆ
ให้ใกล้เคียงกับการปฏิบัติงานจริง รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาหรือป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น
·
ช่วยในการวิเคราะห์เพื่อนำไปวางแผนการตลาด
แผนการส่งเสริมการจัดจำหน่าย การวางแผนเชิงรุกของการทำงานในอนาคต
·
ช่วยทำให้ผู้บริโภคสามารถรู้และเข้าใจข้อมูลสินค้าและการบริการ
ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ดีที่สุดและทันต่อเหตุการณ์
ข้อมูล Big
Data จะแตกต่างกันในแง่ของการให้บริการทางธุรกิจ เช่น
·
ระบบ ATM (Automatic Teller Machine) ในธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน
·
ระบบ CDR (Call Detail Records) สำหรับธุรกิจโทรคมนาคม
·
ระบบควบคุมการผลิต (Shop Floor Control) สำหรับธุรกิจทางด้านอิเล็กทรอนิกส์
·
ระบบ Smart Metering สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน
(ไฟฟ้า น้ำประปา) เป็นต้น
ความท้าทายคือ
ผู้ประกอบการจะสามารถหาประโยชน์หรือคุณค่าที่ซ่อนอยู่ ด้วยวิธีการประมวลผลข้อมูลกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพเพียงใด
เพื่อรับรู้สถานการณ์ป้องกันปัญหา แก้ปัญหาให้ทันท่วงที
นอกจากจะหวังผลในคุณค่าของข้อมูลที่ซ่อนอยู่แล้วการประมวลผลต้องมีความรวดเร็วตั้งแต่ระดับวันต่อวัน
ชั่วโมงต่อชั่วโมง หรือวินาทีต่อวินาทีเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น